Ninja 650 รุ่นใหม่ ใช้เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียง ขนาด 600 ซีซี ให้แรงบิดสูงในช่วงความเร็วรอบต่ำถึงกลาง มาพร้อมช่วงล่างที่เพรียวและน้ำหนักเบากว่า แฮนด์บังคับรถสไตล์สปอร์ตตอบสนองไว การเร่งความเร็วทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีระบบส่งกำลังและระบบควบคุมรถที่ง่ายและสะดวกสบายต่อผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น เหมาะสำรับนักบิดมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ระดับปานกลาง รูปทรงที่โฉบเฉี่ยว คมเข้ม บ่งบอกถึงดีเอ็นเอของตระกูล Ninja ได้อย่างชัดเจน
เส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยวของโครงรถเป็นสไตล์เฉพาะของรถระดับซูเปอร์สปอร์ตตระกูลนินจาจากคาวาซากิ ด้านหน้ารถดูเฉี่ยว คม ด้วยการใช้โครงสร้างที่เพรียว กะทัดรัด ดูคล่องแคล่ว อันเป็นลักษณะเฉพาะของรถแข่ง การปรับปรุงการออกแบบของแฮนด์บังคับรถและช่วงล่าง ทำให้ Ninja 650 มีน้ำหนักเพียง 193 กิโลกรัม (รุ่นที่มีระบบ ABS) ด้วยการวิเคราะห์จากทีมพัฒนาคาวาซากิ เฟรมรถและสวิงอาร์มถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ทำให้การบังคับรถง่ายและนุ่มนวลขึ้น ที่นั่งผู้ขี่ถูกปรับมุมให้นั่งสบายในท่านั่งตรง ทำให้ขับขี่สบายและควบคุมรถได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับผู้ขี่ทุกระดับประสบการณ์
เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียงตอบสนองเร็ว ทั้งยังประหยัดน้ำมัน พร้อมให้อัตราเร่งกำลังแรงในช่วงความเร็วรอบต่ำถึงกลางระหว่าง 3,000-6,000 รอบต่อนาที และแม้จะใช้ความเร็วรอบต่ำกว่า 3,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ก็ทำงานได้อย่างนุ่มนวลราบรื่น หรือในกรณีที่เครื่องเพิ่มความเร็วรอบสูงกว่า 6,000 ต่อนาทีก็ยังสามารถทำอัตราเร่งได้ดีไม่มีแรงตก ช่วยให้เครื่องสามารถทำงานต่อไปได้โดยไม่มีสะดุด นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังถูกปรับแต่งให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น โดยมีอัตราค่าสิ้นเปลืองดีกว่ารุ่นก่อนๆ ถึงร้อยละ 6.8 ตามมาตรฐานการทดสอบ WMTC และเมื่อทำการทดสอบที่ศูนย์ทดสอบของคาวาซากิ ตามเงื่อนไขของ WMTC ก็เห็นได้ชัดว่าเครื่องยนต์สามารถประหยัดเชื้อเพลิงลงได้อย่างมากเมื่อใช้ความเร็วปกติระหว่าง 50 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้นจะผันแปรไปตามรูปแบบของการขับขี่ สภาวะการขับขี่ และการบำรุงรักษาเครื่องยนต์
น้ำหนักที่เบาลงอย่างเห็นได้ชัดของ Ninja 650 เกิดมาจากการวิเคราะห์ของทีมพัฒนาซึ่งออกแบบโครงสร้างเฟรมใหม่ให้มีน้ำหนักเพียง 15 กิโลกรัม โดยกำหนดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ความยาว และความหนาของโครง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างในทุกทิศทาง พร้อมทั้งตัดวัสดุที่ไม่จำเป็นออกไป โดยน้ำหนักที่เบาขึ้นส่งผลให้การบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบหัวกลับขนาด 41 มม. ส่วนด้านหลังใช้ Horzontal Back-link ที่วางโช้คแนวระนาบซับแรงกระเทือนแบบโปรเกรสซีฟ ซึ่งเมื่อเทียบกับแบบ Link-Less ที่เป็นแนวตั้ง โช้คแบบ โปรเกรสซีฟจะทำให้ช่วงล่างมีสมดุลมากกว่า นอกจากนี้ ตำแหน่งของโช้คอัพด้านหลังนั้นยังถูกวางไว้เหนือสวิงอาร์ม ซึ่งห่างจากบริเวณท่อไอเสียมากพอที่จะทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ได้รับผลกระทบจากความร้อนจากท่อไอเสีย
ชุดเรือนไมล์ดีไซน์ใหม่สามารถแสดงสถานะทำงานของรอบเครื่องยนต์และความเร็วรถอย่างรวดเร็วโดยเมื่อเครื่องยนต์มีอัตราเร่งถึง 500 รอบต่อนาที ตามเวลาที่กำหนดไว้ ระบบไกด์ชิฟท์จะแสดงไฟขึ้นบนหน้าปัด และเข็มของมาตรวัดความเร็วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู และเมื่อเครื่องยนต์ทำความเร็วได้ตามอัตราที่กำหนดไว้ ระบบไกด์ชิฟท์ก็จะแสดงไฟทันที และเข็มของมาตรวัดความเร็วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงผู้ขี่สามารถกำหนดจังหวะเปลี่ยนเกียร์ได้ในช่วงความเร็วรอบระหว่าง 5,000 ถึง 10,000 รอบ โดยสามารถเพิ่มได้ครั้งละ 250 ต่อนาที และสามารถปิดระบบนี้ได้เมื่อไม่ต้องการใช้งาน
มิติรถ | |
---|---|
ความยาว | |
ความกว้าง | |
ความสูง | |
ระยะฐานล้อ | |
ระยะห่างจากพื้น | |
ความสูงเบาะนั่ง | |
น้ำหนักรวม | |
น้ำหนัก (ไม่รวมของเหลว) | |
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง |
สมรรถนะ | |
---|---|
กำลังเครื่องยนต์สูงสุด | |
กำลังเครื่องยนต์สูงสุดพร้อมแรมแอร์ | |
แรงบิดสูงสุด |
เครื่องยนต์ | |
---|---|
ประเภทเครื่องยนต์ | |
ระบบหล่อเย็น | |
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | |
ปริมาตรกระบอกสูบ | |
อัตราส่วนกำลังอัด | |
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง | |
ระบบหล่อลื่น | |
ระบบสตาร์ท | |
ระบบจุดระเบิด |
ระบบขับเคลื่อน | |
---|---|
ระบบขับเคลื่อน | |
ระบบส่งกำลัง | |
อัตราทดขั้นต้น | |
อัตราทดเกียร์ 1 | |
อัตราทดเกียร์ 2 | |
อัตราทดเกียร์ 3 | |
อัตราทดเกียร์ 4 | |
อัตราทดเกียร์ 5 | |
อัตราทดเกียร์ 6 | |
อัตราทดสุดท้าย | |
ประเภทคลัตช์ (หลัก) |
ตัวถัง | |
---|---|
ประเภทเฟรม | |
ระบบกันสะเทือนหน้า | |
ระบบกันสะเทือนหลัง | |
ระยะยุบล้อหน้า | |
ระยะยุบล้อหลัง | |
มุมแคสเตอร์ | |
ระยะเทรล | |
มุมเลี้ยว (ซ้าย/ขวา) | |
ยางหน้า | |
ยางหลัง | |
เบรกหน้า | |
คาลิปเปอร์ (หน้า) | |
เบรกหลัง | |
คาลิปเปอร์ (หลัง) |