Ninja e-1

SPARK A NEW ERA: Charge your day with the Ninja e-1

Ninja e-1

จากผู้ผลิตที่มีประวัติอันยาวนานในการผลิตรถจักรยานยนต์ที่ออกแบบมาให้ขี่สนุกและควบคุมได้ รถ EV รุ่นใหม่ของ Kawasaki นำเสนอโซลูชั่นสบายๆ สำหรับการเดินทางในเมือง Ninja e-1 มอบโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับความสุขที่รถจักรยานยนต์คาวาซากิมอบให้ และเปลี่ยนการเดินทางของคุณจากความยากลำบากให้กลายเป็นสิ่งที่คุณตั้งตารอ

  • Ninja e-1 : Metallic Bright Silver / Metallic Matte Lime Green / Ebony (2025)
  • Ninja e-1 : Metallic Bright Silver / Metallic Matte Lime Green / Ebony (2025)
  • Ninja e-1 : Metallic Bright Silver / Metallic Matte Lime Green / Ebony (2025)

สีที่มีจำหน่าย

  • Metallic Bright Silver / Metallic Matte Lime Green / Ebony (2025)

ราคา (บาท)

  • 276,000
  • * ราคาและโปรโมชั่นเป็นไปตามข้อกำหนด ณ วันจำหน่าย

Top Features

Top Features

มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน สูงสุด 9.0 kW (12 PS)

มอเตอร์เป็นแบบไม่มีแปรงถ่าน ให้พลังงานสะอาดและเงียบ ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและกำลังรอบต่ำที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ควบคุมได้ง่าย และมีส่วนช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็วจากตำแหน่งหยุดรถ มอเตอร์ไม่ได้ผลิตความร้อนหรือแรงสั่นสะเทือนมากเท่ากับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และไม่ได้ปล่อยไอเสียออกมา

สตาร์ทเครื่องยนต์อย่างไร?

การสตาร์ท Ninja e-1 เมื่อเปิดสวิทช์กุญแจ ตัวบอกตำแหน่งเกียร์จะโชว์ “N” (รูปบน) เมื่อเอาขาตั้งขึ้นและกดปุ่ม “Drive Ready” ตัวบอกตำแหน่งเกียร์จะโชว์ “D”(รูปล่าง)

แบตเตอรี่แบบถอดได้ 2 ลูก

Ninja e-1 มีแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนแบบถอดได้ 2 ลูก และมีตัวเลือกในการชาร์จที่หลากหลายช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความไม่สะดวกในการทำกิจวัตรประจำวันของผู้ขับขี่

 

วิธีชาร์จแบบเตอรี่

1. ใช้อแดปเตอร์ชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่

2. ใช้อแดปเตอร์ชาร์จผ่านแท่นชาร์จ

3. ใช้อแดปเอตร์ชาร์จผ่าน Off-board

โหมดการขับขี่ ROAD/ECO

ในการขับขี่ทั่วไปจะมีโหมดการขับขี่อยู่ 2 โหมดด้วยกัน

1. โหมด ROAD ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 88 km/h ในรุ่น Ninja e-1

2. โหมด ECO ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 64 km/h ในรุ่น Ninja e-1

 

ระยะทางที่สามารถวิ่งได้คือ 72 กิโลเมตร (WMTC Class 1) ในโหมด ECO ซึ่งคงามเร็วสูงสุดและการตอบสนองจะน้อยกว่า โหมด ROAD การเปลี่ยนโหมดสามารถทำได้ด้วยกดสวิทช์แฮนด์ด้านซ้าย

เมื่อแบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 35% รถจะเข้าสู่โหมดจำกัดพลังงาน (หน้าจอจะมีไอคอนรูปเต่าโชว์) และ e-boost จะไม่สามารถใช้งานได้

ฟังก์ชั่น อี-บูสต์

นอกจากการขับขี่ในโหมด ECO และ ROAD แล้ว เมื่อต้องการพละกำลังหรือความเร็วเพิ่มขึ้นในการแซง เรามีฟังก์ชัน e-boost สำหรับใช้ในเวลาดังกล่าว

 

การใช้งาน e-boost ทำได้ด้วยการ กดสวิทช์ e-boost ที่สวิทช์แฮนด์ด้ายขวามิเตอร์จะแสดงแถบการใช้งาน e-boost เป็นสีม่วง เมื่อเริ่มเปิดคันเร่งจะเริ่มนับถอยหลัง 15 วินาทีหลังจากนั้นจะออกจากโหมด e-boost และจะมีคูลดาวน์ 75 วินาที เพื่อป้องกันความร้อนที่มากเกินไป ในโหมด e-boost จะเพิ่มความเร็ว จาก 64 km/h >> 75 km/h ในโหมด ECO จาก 88 km/h >> 99 km/h ในโหมด ROAD

โหมดเดิน (และถอยหลัง)

เรายังมีโหมด Walk เพื่อความคล่องตัวในการจอดรถจะเปลี่ยนไป Walk mode ได้ก็ต่อเมื่อรถหยุดนิ่งและคันเร่งถูกปิด การเปิดโหมด walk ได้ด้วยการกดปุ่ม walk ค้างไว้จนมิเตอร์เข้าสู่โหมด Walk เมื่อเปิดคันเร่งรถจะเดินหน้าด้วยความเร็วประมาณ 5 km/h เมื่อปิดคันเร่งเกิดตำแหน่งตั้งต้นของคันเร่งรถจะถอยหลังด้วยความเร็วประมาณ 3 km/h

เฟรม Trellis น้ำหนักเบา

เฟรมของ Ninja e-1 เป็น trellis frame เหมือนกับ Ninja H2 ที่เป็นรุ่นเรือธงของคาวาซากิ การออกแบบเฟรมสไตล์ trellis มีส่วนช่วยอย่างมากต่อน้ำหนักตัวที่ลดลงของ Ninja e-1

 

*ด้วยระยะฐานล้อ 1,370 มม. ผสมผสานเข้ากับแชสศีที่ถูกปรับปรุง ทำให้มอบรถที่มีการควบคุมที่เป็นธรรมชาติและมีคุณลักษณะแบบสปอร์ต

*มีความคอมแพคมากกว่ารถเครื่องยนต์คลาส 400 และตำแหน่งการวางมอเตอร์ถูกแก้ไข

*ตำแหน่งยืดมอเตอร์อยู่ต่ำทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้ควบคุมรถได้ง่าย

ระบบกันสะเทือน

โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาด ø41 มม. เพิ่มศักยภาพในการซับ แรง ตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดีขึ้น เสริมความมั่นคงในการยึดเกาะ ถนนให้แก่ล้อหน้า ช่วยให้การหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางเป็นเรื่องง่าย (แม้กระทั่งตอนที่รถอยู่ในตำแหน่งตั้งตรง – ช่วยให้ลัดเลาะผ่าน การจราจรได้คล่องตัวขึ้นบนท้องถนน) ควบคุมช่วงยุบและรองรับการ ถ่ายเทน้ำหนักได้ดี โช้คอัพหน้าไม่สามารถปรับได้

 

โช้คอัพหลังเป็นแบบบอทท่อมลิ้งยูนิแทรกแก็สชาร์จ ปรับสปริงพรี โหลดได้ 4 ระดับ ให้เหมาะกับการขับขี่ที่มีคนซ้อนท้ายหรือมีสัมภาระ

เบรก/ล้อ/ยาง

จานเบรกหน้าขนาด ø290 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบสองลูกสูบ แม่ปั๊มเบรกบนช่วยให้ควบคุมเบรกได้ดีขึ้น ทำให้เบรกทำงานได้ดี

จานเบรกหลังขนาด ø220 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรก 2 ลูกสูบ

ล้อและยางหน้า 100/80-17 M/C 52S

ล้อและยางหลัง 130/70-17 M/C 62S

การยศาสตร์

สำหรับ Ninja e-1 แฮนด์เป็นแฮนด์จับโช้ค ตัวแอนด์ที่ยื่นออกมาทำมุมลงเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลุคที่ดูเป็นสปอร์ต

สไตล์นินจาซูเปอร์สปอร์ต

เช่นเดียวกับพี่น้องตระกูล Ninja Ninja e-1 โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ที่เย้ายวนและตัวถังแบบฟูลแฟริ่ง ตัวถังที่ดูเต็มดึงดูดความสนใจและสร้างความประทับใจเหมือนรถที่ดูใหญ่กว่า ความประทับใจนี้เสริมด้วยการออกแบบระดับสูงและความพอดีและการตกแต่งที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเทียบได้กับจักรยานยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบที่ใหญ่กว่า ระบบไฟ LED ทั้งหมดช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและมีเทคโนโลยีสูง

หน้าจอสี TFT

หน้าจอ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว เป็นแบบฟูลดิจิตอล ช่วยให้ค็อกพิทมีรูปลักษณ์ที่ไฮเทคและมีคุณภาพสูง หน้าจอมีสีดำและขาว สีจะเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อแสงน้อยลง หรือสามารถตั้งค่าสีที่ต้องการได้เลย

 

หน้าจอจะแสดงผล: โหมดการขับขี่, e-boost เกจ, เกจวัดอุณภูมิแบตเตอรี่, เกจวัดเลเวลแบตเตอรี่, นาฬิกา, การแจ้งเตือนจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การเตือนตำแหน่งเกียร์ (N, D, F, R), เกจวัดความเร็ว, เกจวัดระยะทาง, ระยะทางที่เหลือที่สิ่งได้, ทริป, และอื่นๆ

  • มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน สูงสุด 9.0 kW (12 PS)

    มอเตอร์เป็นแบบไม่มีแปรงถ่าน ให้พลังงานสะอาดและเงียบ ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและกำลังรอบต่ำที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ควบคุมได้ง่าย และมีส่วนช่วยให้เร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็วจากตำแหน่งหยุดรถ มอเตอร์ไม่ได้ผลิตความร้อนหรือแรงสั่นสะเทือนมากเท่ากับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และไม่ได้ปล่อยไอเสียออกมา

  • สตาร์ทเครื่องยนต์อย่างไร?

    การสตาร์ท Ninja e-1 เมื่อเปิดสวิทช์กุญแจ ตัวบอกตำแหน่งเกียร์จะโชว์ “N” (รูปบน) เมื่อเอาขาตั้งขึ้นและกดปุ่ม “Drive Ready” ตัวบอกตำแหน่งเกียร์จะโชว์ “D”(รูปล่าง)

  • แบตเตอรี่แบบถอดได้ 2 ลูก

    Ninja e-1 มีแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนแบบถอดได้ 2 ลูก และมีตัวเลือกในการชาร์จที่หลากหลายช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความไม่สะดวกในการทำกิจวัตรประจำวันของผู้ขับขี่

     

    วิธีชาร์จแบบเตอรี่

    1. ใช้อแดปเตอร์ชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่

    2. ใช้อแดปเตอร์ชาร์จผ่านแท่นชาร์จ

    3. ใช้อแดปเอตร์ชาร์จผ่าน Off-board

  • โหมดการขับขี่ ROAD/ECO

    ในการขับขี่ทั่วไปจะมีโหมดการขับขี่อยู่ 2 โหมดด้วยกัน

    1. โหมด ROAD ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 88 km/h ในรุ่น Ninja e-1

    2. โหมด ECO ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 64 km/h ในรุ่น Ninja e-1

     

    ระยะทางที่สามารถวิ่งได้คือ 72 กิโลเมตร (WMTC Class 1) ในโหมด ECO ซึ่งคงามเร็วสูงสุดและการตอบสนองจะน้อยกว่า โหมด ROAD การเปลี่ยนโหมดสามารถทำได้ด้วยกดสวิทช์แฮนด์ด้านซ้าย

    เมื่อแบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 35% รถจะเข้าสู่โหมดจำกัดพลังงาน (หน้าจอจะมีไอคอนรูปเต่าโชว์) และ e-boost จะไม่สามารถใช้งานได้

  • ฟังก์ชั่น อี-บูสต์

    นอกจากการขับขี่ในโหมด ECO และ ROAD แล้ว เมื่อต้องการพละกำลังหรือความเร็วเพิ่มขึ้นในการแซง เรามีฟังก์ชัน e-boost สำหรับใช้ในเวลาดังกล่าว

     

    การใช้งาน e-boost ทำได้ด้วยการ กดสวิทช์ e-boost ที่สวิทช์แฮนด์ด้ายขวามิเตอร์จะแสดงแถบการใช้งาน e-boost เป็นสีม่วง เมื่อเริ่มเปิดคันเร่งจะเริ่มนับถอยหลัง 15 วินาทีหลังจากนั้นจะออกจากโหมด e-boost และจะมีคูลดาวน์ 75 วินาที เพื่อป้องกันความร้อนที่มากเกินไป ในโหมด e-boost จะเพิ่มความเร็ว จาก 64 km/h >> 75 km/h ในโหมด ECO จาก 88 km/h >> 99 km/h ในโหมด ROAD

  • โหมดเดิน (และถอยหลัง)

    เรายังมีโหมด Walk เพื่อความคล่องตัวในการจอดรถจะเปลี่ยนไป Walk mode ได้ก็ต่อเมื่อรถหยุดนิ่งและคันเร่งถูกปิด การเปิดโหมด walk ได้ด้วยการกดปุ่ม walk ค้างไว้จนมิเตอร์เข้าสู่โหมด Walk เมื่อเปิดคันเร่งรถจะเดินหน้าด้วยความเร็วประมาณ 5 km/h เมื่อปิดคันเร่งเกิดตำแหน่งตั้งต้นของคันเร่งรถจะถอยหลังด้วยความเร็วประมาณ 3 km/h

  • เฟรม Trellis น้ำหนักเบา

    เฟรมของ Ninja e-1 เป็น trellis frame เหมือนกับ Ninja H2 ที่เป็นรุ่นเรือธงของคาวาซากิ การออกแบบเฟรมสไตล์ trellis มีส่วนช่วยอย่างมากต่อน้ำหนักตัวที่ลดลงของ Ninja e-1

     

    *ด้วยระยะฐานล้อ 1,370 มม. ผสมผสานเข้ากับแชสศีที่ถูกปรับปรุง ทำให้มอบรถที่มีการควบคุมที่เป็นธรรมชาติและมีคุณลักษณะแบบสปอร์ต

    *มีความคอมแพคมากกว่ารถเครื่องยนต์คลาส 400 และตำแหน่งการวางมอเตอร์ถูกแก้ไข

    *ตำแหน่งยืดมอเตอร์อยู่ต่ำทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้ควบคุมรถได้ง่าย

  • ระบบกันสะเทือน

    โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาด ø41 มม. เพิ่มศักยภาพในการซับ แรง ตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดีขึ้น เสริมความมั่นคงในการยึดเกาะ ถนนให้แก่ล้อหน้า ช่วยให้การหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางเป็นเรื่องง่าย (แม้กระทั่งตอนที่รถอยู่ในตำแหน่งตั้งตรง – ช่วยให้ลัดเลาะผ่าน การจราจรได้คล่องตัวขึ้นบนท้องถนน) ควบคุมช่วงยุบและรองรับการ ถ่ายเทน้ำหนักได้ดี โช้คอัพหน้าไม่สามารถปรับได้

     

    โช้คอัพหลังเป็นแบบบอทท่อมลิ้งยูนิแทรกแก็สชาร์จ ปรับสปริงพรี โหลดได้ 4 ระดับ ให้เหมาะกับการขับขี่ที่มีคนซ้อนท้ายหรือมีสัมภาระ

  • เบรก/ล้อ/ยาง

    จานเบรกหน้าขนาด ø290 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบสองลูกสูบ แม่ปั๊มเบรกบนช่วยให้ควบคุมเบรกได้ดีขึ้น ทำให้เบรกทำงานได้ดี

    จานเบรกหลังขนาด ø220 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรก 2 ลูกสูบ

    ล้อและยางหน้า 100/80-17 M/C 52S

    ล้อและยางหลัง 130/70-17 M/C 62S

  • การยศาสตร์

    สำหรับ Ninja e-1 แฮนด์เป็นแฮนด์จับโช้ค ตัวแอนด์ที่ยื่นออกมาทำมุมลงเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลุคที่ดูเป็นสปอร์ต

  • สไตล์นินจาซูเปอร์สปอร์ต

    เช่นเดียวกับพี่น้องตระกูล Ninja Ninja e-1 โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ที่เย้ายวนและตัวถังแบบฟูลแฟริ่ง ตัวถังที่ดูเต็มดึงดูดความสนใจและสร้างความประทับใจเหมือนรถที่ดูใหญ่กว่า ความประทับใจนี้เสริมด้วยการออกแบบระดับสูงและความพอดีและการตกแต่งที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเทียบได้กับจักรยานยนต์ที่มีปริมาตรกระบอกสูบที่ใหญ่กว่า ระบบไฟ LED ทั้งหมดช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและมีเทคโนโลยีสูง

  • หน้าจอสี TFT

    หน้าจอ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว เป็นแบบฟูลดิจิตอล ช่วยให้ค็อกพิทมีรูปลักษณ์ที่ไฮเทคและมีคุณภาพสูง หน้าจอมีสีดำและขาว สีจะเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อแสงน้อยลง หรือสามารถตั้งค่าสีที่ต้องการได้เลย

     

    หน้าจอจะแสดงผล: โหมดการขับขี่, e-boost เกจ, เกจวัดอุณภูมิแบตเตอรี่, เกจวัดเลเวลแบตเตอรี่, นาฬิกา, การแจ้งเตือนจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การเตือนตำแหน่งเกียร์ (N, D, F, R), เกจวัดความเร็ว, เกจวัดระยะทาง, ระยะทางที่เหลือที่สิ่งได้, ทริป, และอื่นๆ

Specifications

Specifications

รุ่นอื่นๆ ที่คุณอาจชื่นชอบ

รุ่นอื่นๆ ที่คุณอาจชื่นชอบ