Ninja ZX-10RR

สานต่อสมรรถนะที่ได้รับการยอมรับเพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์เวิลด์ซูเปอร์ไบค์

Ninja ZX-10RR

จากการพานักบิดของคาวาซากิไปคว้าตำแหน่งแชมป์เวิลด์ซูเปอร์ไบค์มามากถึงหกสมัย Ninja ZX-10R ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะระดับผู้ชนะในรายการแชมป์เปี้ยนชิพ ทั้งยังมอบประสบการณ์ความตื่นเต้นให้กับผู้ใช้เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองในสนามแข่งขัน เพื่อสานต่อศักยภาพด้านการลงชิงชัยตัวขุมพลังและแซสซีจึงได้รับการปรับเปลี่ยนในหลายจุด – รวมไปถึงรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นและลูกสูบใหม่น้ำหนักเบาสำหรับ Ninja ZX-10RR – ผลิตขึ้นโดยต่อยอดจากสมรรถนะที่ได้รับการยอมรับ; ด้วยรูปลักษณ์ของ Ninja ในเจเนอเรชั่นใหม่ที่ถูกยกระดับประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างยิ่งยวด; พร้อมคุณสมบัติใหม่อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอิเล็กทรอนิกส์และเรือนไมล์สี TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ใช้งาน

  • Ninja ZX-10RR (2021) : Lime Green
  • Ninja ZX-10RR (2021) : Lime Green
  • Ninja ZX-10RR (2021) : Lime Green

สีที่มีจำหน่าย

  • Lime Green (2021)

ราคา (บาท)

  • 1,223,000
  • * ราคาและโปรโมชั่นเป็นไปตามข้อกำหนด ณ วันจำหน่าย

Top Features

Top Features

ขุมพลังสี่สูบเรียงปริมาตรความจุกระบอกสูบ 998 ลบ.ซม. ระบายความร้อนด้วยน้ำ สี่จังหวะ อันทรงพลัง

เครื่องยนต์ของ Ninja ZX-10R มาพร้อมสมดุลอันน่าทึ่งระหว่างพละกำลังและการควบคุม การกำหนดให้แรงบิดสูงสุดมาในย่านรอบสูงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกลับมาเดินคันเร่งได้ง่ายขึ้น ขณะที่กำลังในรอบต่ำ - กลาง อันทรงพลังเสริมเรื่องการเรียกอัตราเร่งออกจากโค้งให้มีความฉับไวทันท่วงที กระเดื่องกดวาล์วแบบ Finger Follower และคุณสมบัติอีกหลายประการที่ถูกปรับปรุงตามคำแนะนำของทีมแข่งโรงงานคาวาซากิในรายการ WSB ส่งให้ตัวรถมีแรงม้าสูงสุดที่ 181 PS และสามารถเสริมศักยภาพให้สูงขึ้นได้โดยง่ายด้วยการใส่ท่อไอเสียแข่งแบบฟูลซิสเต็ม รายละเอียดการอัพเดทในรุ่นปี 2021 เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและให้ค่าไอเสียที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 ขณะที่ยังรักษาสมรรถนะและลักษณะเฉพาะแบบ ง่าย-ต่อการ-ควบคุม ของตัวเครื่องยนต์เอาไว้

รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น

เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกติกาใหม่ของ ซูเปอร์ไบค์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รายละเอียดหลายรายการของเครื่องยนต์ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทำให้รอบเครื่องยนต์ของ Ninja ZX-10RR เพิ่มขึ้นจาก 14,300 รอบ/นาที เป็น 14,700 รอบ/นาที รอบเครื่องที่สูงขึ้นไม่เพียงขยับย่านพาวเวอร์แบนด์

Kawasaki River Mark

จากความสำเร็จในรายการซูเปอร์ไบค์เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ Ninja ZX-10R จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ River Mark นับเป็นครั้งแรกที่สัญลักษณ์นี้ถูกนำมาใช้ในรถผลิตจำหน่ายจำนวนมากที่ไม่มีระบบซูเปอร์ชาร์จ

ตราสัญลักษณ์ River Mark สามมิติถูกติดตั้งและแสดงไว้อย่างภาคภูมิบนเคาริ่งหน้า ตราสัญลักษณ์ River Mark ยังได้รับการสลักไว้บริเวณแผงคอบน

KCMF, Bosch IMU, S-KTRC, KLCM, KIBS

KCMF จะทำการวัดขอบข่ายการตอบสนองของทั้งเครื่องยนต์และแซสซีตลอดทั้งโค้ง - ตั้งแต่จุดเข้า,ผ่านจุด Apex, ไปยังจุดออกโค้ง – ควบคุมแรงดันเบรกและกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเคลื่อนตัวที่ต่อเนื่องไร้การสะดุดตั้งแต่จังหวะเร่งความเร็วไปจนถึงจังหวะใช้เบรกและกลับมาเดินคันเร่งอีกครั้ง และช่วยผู้ขับขี่ให้สามารถรักษาไลน์การขับขี่ได้อย่างแม่นยำตลอดทั้งโค้ง

IMU การนำระบบตรวจวัดการเคลื่อนไหวภายในที่มีขนาดกะทัดรัดจาก Bosch มาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่ระบบ KTRC และ KIBS ที่ศักยภาพสูงอยู่แล้วให้แม่นยำขึ้นไปอีกระดับ

S-KTRC ระบบ Traction control ประเภทไฮบริด คาดเดาล่วงหน้า/ตอบสนองตามข้อมูล จากคาวาซากิ ช่วยให้ผู้ขับขี่ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยอัตราเร่งสูงสุดในสนามแข่งขัน

KLCM (โหมดควบคุมการออกตัวจากคาวาซากิ) ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วให้มีความเหมาะสมสูงสุดตั้งแต่ตอนที่รถหยุดอยู่กับที่ ระบบ KLCM ใช้อิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมกำลังของเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อหลังและลดการลอยของล้อหน้าให้น้อยที่สุดตอนออกตัว

KIBS ระบบจัดการเบรกความแม่นยำสูงเกรดซูเปอร์สปอร์ตจากคาวาซากิ ใช้การควบคุมความแม่นยำสูงในการปรับแรงดันเบรกระหว่างการขับขี่แบบสปอร์ตขึ้นไปอีก 500 รอบ/นาที เท่านั้น แต่ยังทำให้ย่านพาวเวอร์แบนด์กว้างขึ้น เสริมลักษณะเฉพาะแบบ ง่าย-ต่อการ-ควบคุม ของ Ninja ZX-10RR การปรับเปลี่ยนดังกล่าวยังช่วยยกระดับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดีมากยิ่งขึ้น

เฟรมอลูมิเนียม Twin-spar / สวิงอาร์มอลูมิเนียม

เฟรม Twin-spar เชื่อมต่อเป็นแนวตรงจากคอไปจนถึงแกนสวิงอาร์ม การจัดเรียงเชิงเส้นซึ่งให้ผลลัพธ์คือสมรรถนะการควบคุมที่เหนือกว่า จุดที่มีความโค้งถูกออกแบบมาให้อยู่ใกล้คานหลักของเฟรมมากที่สุด ซึ่งช่วยเสริมการควบคุมขึ้นไปอีกขั้น ตัวเฟรมยังถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงเรื่องของเสถียรภาพ เสริมความนิ่งในการเข้าโค้ง และจับสัมผัสของรถได้อย่างยอดเยี่ยม

แกนสวิงอาร์มอยู่ต่ำลงอีก 1 มม. เสริมให้โช้คหลังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในจังหวะออกโค้ง

เทคโนโลยีที่ส่งตรงจากตัวแข่งทีมโรงงานคาวาซากิ

ระบบกันสะเทือนหน้า BFF ขนาดแกน ø43 มม. ของ Showa ส่งมอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากรายการแข่งขัน WSB สู่รถรุ่นที่มีการผลิตจำหน่ายจำนวนมาก โช้คหน้าสเปกสูงมาพร้อมประโยชน์หลายประการ:
- ยกระดับความสบายในการขับขี่
- เสริมเสถียรภาพด้านการเบรก
- จับสัมผัสการทำงานของล้อหน้าได้แม่นยำ
- ปรับ Compression และ Rebound แยกอิสระ

ล้อฟอร์จ Marchesini ดีไซน์พิเศษ

ล้ออลูมิเนียม 7 ก้าน ผลิตด้วยกรรมวิธีปั๊มขึ้นรูปที่ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษโดย Marchesini เสริมให้การควบคุมมีความเบา คล่องตัว

Ninja ZX-10RR ใช้ยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP เป็นยางติดรถ (Ninja ZX-10R มาพร้อมยาง Bridgestone Battlax Racing Street RS11)

รูปลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่ออากาศพลศาสตร์

สะท้อนให้เห็นถึงหลักการออกแบบที่เน้น “รูปทรงตามประโยชน์ใช้สอย” อย่างแท้จริง สไตล์ใหม่ของ Ninja ZX-10R ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์เป็นหลัก รูปลักษณ์ที่มีความปราดเปรียวตามแบบฉบับของตัวแข่งช่วยลดแรงต้านอากาศลงอย่างมาก (ประมาณ 7%) ขณะที่แรงกด Down Force เพิ่มขึ้นราว 17% (จากเคาริ่งหน้าที่ถูกออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์ประสานกับชุดวิงเล็ท) ทั้งยังปกป้องตัวผู้ขับขี่จากกระแสลมได้ดีขึ้นด้วยชิวหน้าที่สูงกว่าเดิม

  • ขุมพลังสี่สูบเรียงปริมาตรความจุกระบอกสูบ 998 ลบ.ซม. ระบายความร้อนด้วยน้ำ สี่จังหวะ อันทรงพลัง

    เครื่องยนต์ของ Ninja ZX-10R มาพร้อมสมดุลอันน่าทึ่งระหว่างพละกำลังและการควบคุม การกำหนดให้แรงบิดสูงสุดมาในย่านรอบสูงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกลับมาเดินคันเร่งได้ง่ายขึ้น ขณะที่กำลังในรอบต่ำ - กลาง อันทรงพลังเสริมเรื่องการเรียกอัตราเร่งออกจากโค้งให้มีความฉับไวทันท่วงที กระเดื่องกดวาล์วแบบ Finger Follower และคุณสมบัติอีกหลายประการที่ถูกปรับปรุงตามคำแนะนำของทีมแข่งโรงงานคาวาซากิในรายการ WSB ส่งให้ตัวรถมีแรงม้าสูงสุดที่ 181 PS และสามารถเสริมศักยภาพให้สูงขึ้นได้โดยง่ายด้วยการใส่ท่อไอเสียแข่งแบบฟูลซิสเต็ม รายละเอียดการอัพเดทในรุ่นปี 2021 เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและให้ค่าไอเสียที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 ขณะที่ยังรักษาสมรรถนะและลักษณะเฉพาะแบบ ง่าย-ต่อการ-ควบคุม ของตัวเครื่องยนต์เอาไว้

  • รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น

    เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกติกาใหม่ของ ซูเปอร์ไบค์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รายละเอียดหลายรายการของเครื่องยนต์ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทำให้รอบเครื่องยนต์ของ Ninja ZX-10RR เพิ่มขึ้นจาก 14,300 รอบ/นาที เป็น 14,700 รอบ/นาที รอบเครื่องที่สูงขึ้นไม่เพียงขยับย่านพาวเวอร์แบนด์

  • Kawasaki River Mark

    จากความสำเร็จในรายการซูเปอร์ไบค์เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ Ninja ZX-10R จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ River Mark นับเป็นครั้งแรกที่สัญลักษณ์นี้ถูกนำมาใช้ในรถผลิตจำหน่ายจำนวนมากที่ไม่มีระบบซูเปอร์ชาร์จ

    ตราสัญลักษณ์ River Mark สามมิติถูกติดตั้งและแสดงไว้อย่างภาคภูมิบนเคาริ่งหน้า ตราสัญลักษณ์ River Mark ยังได้รับการสลักไว้บริเวณแผงคอบน

  • KCMF, Bosch IMU, S-KTRC, KLCM, KIBS

    KCMF จะทำการวัดขอบข่ายการตอบสนองของทั้งเครื่องยนต์และแซสซีตลอดทั้งโค้ง - ตั้งแต่จุดเข้า,ผ่านจุด Apex, ไปยังจุดออกโค้ง – ควบคุมแรงดันเบรกและกำลังของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเคลื่อนตัวที่ต่อเนื่องไร้การสะดุดตั้งแต่จังหวะเร่งความเร็วไปจนถึงจังหวะใช้เบรกและกลับมาเดินคันเร่งอีกครั้ง และช่วยผู้ขับขี่ให้สามารถรักษาไลน์การขับขี่ได้อย่างแม่นยำตลอดทั้งโค้ง

    IMU การนำระบบตรวจวัดการเคลื่อนไหวภายในที่มีขนาดกะทัดรัดจาก Bosch มาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่ระบบ KTRC และ KIBS ที่ศักยภาพสูงอยู่แล้วให้แม่นยำขึ้นไปอีกระดับ

    S-KTRC ระบบ Traction control ประเภทไฮบริด คาดเดาล่วงหน้า/ตอบสนองตามข้อมูล จากคาวาซากิ ช่วยให้ผู้ขับขี่ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยอัตราเร่งสูงสุดในสนามแข่งขัน

    KLCM (โหมดควบคุมการออกตัวจากคาวาซากิ) ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งความเร็วให้มีความเหมาะสมสูงสุดตั้งแต่ตอนที่รถหยุดอยู่กับที่ ระบบ KLCM ใช้อิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมกำลังของเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อหลังและลดการลอยของล้อหน้าให้น้อยที่สุดตอนออกตัว

    KIBS ระบบจัดการเบรกความแม่นยำสูงเกรดซูเปอร์สปอร์ตจากคาวาซากิ ใช้การควบคุมความแม่นยำสูงในการปรับแรงดันเบรกระหว่างการขับขี่แบบสปอร์ตขึ้นไปอีก 500 รอบ/นาที เท่านั้น แต่ยังทำให้ย่านพาวเวอร์แบนด์กว้างขึ้น เสริมลักษณะเฉพาะแบบ ง่าย-ต่อการ-ควบคุม ของ Ninja ZX-10RR การปรับเปลี่ยนดังกล่าวยังช่วยยกระดับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดีมากยิ่งขึ้น

  • เฟรมอลูมิเนียม Twin-spar / สวิงอาร์มอลูมิเนียม

    เฟรม Twin-spar เชื่อมต่อเป็นแนวตรงจากคอไปจนถึงแกนสวิงอาร์ม การจัดเรียงเชิงเส้นซึ่งให้ผลลัพธ์คือสมรรถนะการควบคุมที่เหนือกว่า จุดที่มีความโค้งถูกออกแบบมาให้อยู่ใกล้คานหลักของเฟรมมากที่สุด ซึ่งช่วยเสริมการควบคุมขึ้นไปอีกขั้น ตัวเฟรมยังถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงเรื่องของเสถียรภาพ เสริมความนิ่งในการเข้าโค้ง และจับสัมผัสของรถได้อย่างยอดเยี่ยม

    แกนสวิงอาร์มอยู่ต่ำลงอีก 1 มม. เสริมให้โช้คหลังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในจังหวะออกโค้ง

  • เทคโนโลยีที่ส่งตรงจากตัวแข่งทีมโรงงานคาวาซากิ

    ระบบกันสะเทือนหน้า BFF ขนาดแกน ø43 มม. ของ Showa ส่งมอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากรายการแข่งขัน WSB สู่รถรุ่นที่มีการผลิตจำหน่ายจำนวนมาก โช้คหน้าสเปกสูงมาพร้อมประโยชน์หลายประการ:
    - ยกระดับความสบายในการขับขี่
    - เสริมเสถียรภาพด้านการเบรก
    - จับสัมผัสการทำงานของล้อหน้าได้แม่นยำ
    - ปรับ Compression และ Rebound แยกอิสระ

  • ล้อฟอร์จ Marchesini ดีไซน์พิเศษ

    ล้ออลูมิเนียม 7 ก้าน ผลิตด้วยกรรมวิธีปั๊มขึ้นรูปที่ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษโดย Marchesini เสริมให้การควบคุมมีความเบา คล่องตัว

    Ninja ZX-10RR ใช้ยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP เป็นยางติดรถ (Ninja ZX-10R มาพร้อมยาง Bridgestone Battlax Racing Street RS11)

  • รูปลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่ออากาศพลศาสตร์

    สะท้อนให้เห็นถึงหลักการออกแบบที่เน้น “รูปทรงตามประโยชน์ใช้สอย” อย่างแท้จริง สไตล์ใหม่ของ Ninja ZX-10R ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์เป็นหลัก รูปลักษณ์ที่มีความปราดเปรียวตามแบบฉบับของตัวแข่งช่วยลดแรงต้านอากาศลงอย่างมาก (ประมาณ 7%) ขณะที่แรงกด Down Force เพิ่มขึ้นราว 17% (จากเคาริ่งหน้าที่ถูกออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์ประสานกับชุดวิงเล็ท) ทั้งยังปกป้องตัวผู้ขับขี่จากกระแสลมได้ดีขึ้นด้วยชิวหน้าที่สูงกว่าเดิม

Specifications

Specifications

มิติรถ
ความยาว 2,085 mm
ความกว้าง 750 mm
ความสูง 1,185 mm
ระยะฐานล้อ 1,450 mm
ระยะห่างจากพื้น 135 mm
ความสูงเบาะนั่ง 835 mm
น้ำหนักรวม 207 Kg
น้ำหนัก (ไม่รวมของเหลว)
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 17 litres

สมรรถนะ
กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 133.0 kW {181PS} / 11,500 min-1
กำลังเครื่องยนต์สูงสุดพร้อมแรมแอร์ 139.7 kW {190 PS} / 11,500 min-1 (THA)
แรงบิดสูงสุด 110.5 N·m {11.3 kgƒ·m} / 11,500 min-1 (THA)

เครื่องยนต์
ประเภทเครื่องยนต์ 4-stroke In-Line Four
ระบบหล่อเย็น Liquid-cooled
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76.0 x 55.0 mm
ปริมาตรกระบอกสูบ 998 cc
อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง Fuel injection: ø47 mm x 4 with dual injection
ระบบหล่อลื่น Forced lubrication, wet sump with air-cooled oil cooler
ระบบสตาร์ท Electric
ระบบจุดระเบิด Digital

ระบบขับเคลื่อน
ระบบขับเคลื่อน Chain
ระบบส่งกำลัง 6-speed, return
อัตราทดขั้นต้น 1.681 (79/47)
อัตราทดเกียร์ 1 2.600 (39/15)
อัตราทดเกียร์ 2 2.158 (41/19}
อัตราทดเกียร์ 3 1.882 (32/17)
อัตราทดเกียร์ 4 1.650 (33/20)
อัตราทดเกียร์ 5 1.476 (31/21)
อัตราทดเกียร์ 6 1.304 (30/23)
อัตราทดสุดท้าย 2.412 (41/17)
ประเภทคลัตช์ (หลัก) Wet multi-disc, manual

ตัวถัง
ประเภทเฟรม Twin spar, cast aluminium
ระบบกันสะเทือนหน้า ø43 mm inverted fork (BFF) with external compression chamber, compression and rebound damping and spring preload adjustability, and top-out springs
ระบบกันสะเทือนหลัง Horizontal Back-link, BFRC lite gas-charged shock with piggyback reservoir, compression and rebound damping and spring preload adjustability, and top-out spring
ระยะยุบล้อหน้า 120 mm
ระยะยุบล้อหลัง 115 mm
มุมแคสเตอร์ 25.0°
ระยะเทรล 105 mm
มุมเลี้ยว (ซ้าย/ขวา) 27° / 27°
ยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W)
ยางหลัง 190/55ZR17M/C (75W)
เบรกหน้า Dual semi-floating ø330 mm Brembo discs, Dual radial-mount, Brembo M50 monobloc, opposed 4-piston
คาลิปเปอร์ (หน้า) Dual radial-mount, Brembo M50 monobloc, opposed 4-piston
เบรกหลัง Single ø220 mm disc, Single-bore pin-slide
คาลิปเปอร์ (หลัง) Single-bore pin-slide

รุ่นอื่นๆ ที่คุณอาจชื่นชอบ

รุ่นอื่นๆ ที่คุณอาจชื่นชอบ