Ninja H2

BUILT BEYOND BELIEF

Ninja H2

การพัฒนาควาซากิ รุ่น Ninja H2 เกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้บรรดานักบิด ด้วยเชื่อว่าการขับขี่สุดพิเศษที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการยกระดับสมรรถนะของรถจากรุ่นก่อนๆ เท่านั้น หากแต่เป็นออกแบบสุดยอดมอเตอร์ไซค์ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยสุดยอดมอเตอร์ไซค์ที่ว่านั้นต้องมีอัตราเร่งความเร็วที่แรงถึงใจ มีความเร็วสูงสุดที่เหนือกว่า พร้อมทั้งมีสมรรถนะเทียบชั้นรถแข่งระดับซูเปอร์สปอร์ต เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้บรรดาบริษัทในเครือของ Kawasaki Heavy Industries(KHI) Group จึงมารวมตัวและร่วมมือกันสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์เพื่อนักบิดที่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยขึ้นว่าเกิดในประวัติศาสตร์ความร่วมมือของบริษัทชั้นนำระดับนานาชาติเช่นนี้

  • Ninja H2 : Mirror Coated Spark Black
  • Ninja H2 : Mirror Coated Spark Black
  • Ninja H2 : Mirror Coated Spark Black

สีที่มีจำหน่าย

  • Mirror Coated Spark Black (2024)

ราคา (บาท)

  • 1,620,000
  • * ราคาและโปรโมชั่นเป็นไปตามข้อกำหนด ณ วันจำหน่าย

Top Features

Top Features

การออกแบบบนพื้นฐานศาสตร์และศิลป์ชั้นสูง

Ninja H2 เป็นการผสมผสานรูปลักษณ์ที่โดดเด่นตามคอนเซ็ปต์ “Intense Force Design” เน้นรูปลักษณ์ที่ทันสมัยทั้งยังเปี่ยมด้วยสมรรถนะขั้นสุดยอด อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เป็นเพียงการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูดีเท่านั้น ความงามของ Ninja H2 ยังคงสะท้อนผ่านการทำงานในทุกส่วนประกอบ ตั้งแต่โครงสร้างรถที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่เมื่อต้องใช้ความเร็วสูง เทคโนโลยีล่าสุดที่ติดตั้งมาพร้อมกับรุ่นนี้จะช่วยดูดอากาศเข้าสู่ซูเปอร์ชาร์เจอร์ได้มากขึ้น เรียกได้ว่า Ninja H2 เหนือกว่ามอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นที่คาวาซากิเคยสร้างมา ทั้งยังเป็นศิลปกรรมแห่งยานยนต์ชิ้นเอกที่โดดเด่นทั้งเรื่องสมรรถนะและดีไซน์ ดูเข้มขรึมในสีดำเงางามด้วยเทคนิคการทำสีที่พัฒนามาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ 

ระบบซุเปอร์ชาร์เจอร์

เครื่องยนต์ของ Ninja H2 เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบที่มีขนาด 998 cc  ระบายความร้อนด้วยน้ำที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีการติดตั้งระบบอัดอากาศ (Supercharge) เครื่องยนต์มีขนาดเล็กเท่ากับเครื่องยนต์ Super sportและติดตั้ง Supercharge ให้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์
200 PS @ 10,000 rpm
210 PS @ 10,000 rpm with Ram Air
140.4 N.m @ 10,000 rpm

เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีการติดตั้ง Supercharge ที่ถูกสร้างขึ้นโดย KHI Group โดยประกอบไปด้วย
–Aerospace Company
–Gas Turbine & Machinery Company
–Corporate Technology Division

Supercharge ถูกออกแบบโดย KHI group
–Centrifugal scroll – type SC (แบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง)
–ชุด Supercharge ผลิตขึ้นจากอลูมิเนียม นำหนักเบา
–ปริมาตรการดูดอากาศสูงสุด : มากกว่า 200 L/s
–ความเร็วในการดูดอากาศ : 100 m/s
–ใช้ระบบเฟืองแบบ Planetary สำหรับขับเคลื่อนใบพัด (Impeller)
–ใบพัด (Impeller) จะหมุนเป็นจำนวน 9.2x ของความเร็วของเพลาข้อเหวี่ยง นั่นคือรอบเครื่องประมาณ 12,000 rpm ใบพัดจะหมุนราวๆ 120,000 rpm

การทรงตัวเยี่ยม บังคับง่าย

Ninja H2 ถูกพัฒนาให้มีสมรรถนะเทียบเคียงญาติผู้พี่ที่เป็นรถสำหรับสนามแข่งอย่าง Ninja H2R แต่ก็สามารถขับขี่ได้ตามท้องถนนทั่วไป ระบบช่วงล่างของ Ninja H2 ถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรงไม่สะทกสะท้านต่อการทำความเร็วที่เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้นักบิดได้สัมผัสกับสมรรถนะการทรงตัวที่นิ่งและนิ่มขณะเลี้ยว ตามปกติแล้ว การควบคุมการทรงตัวของรถในขณะที่ใช้ความเร็วสูงนั้นต้องอาศัยฐานล้อที่ยาวพอสมควร แต่ในรุ่นนี้ ทีมวิศวกรลับเลือกที่จะใช้ฐานล้อที่สั้นกว่าเพื่อสร้างชุดบังคับรถขนาดกะทัดรัดที่ทำให้การบังคับรถแม่นยำมากยิ่งขึ้น ขณะที่เฟรมรถนั้นไม่ได้ออกแบบมาให้มีความแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังสามารถรองรับสิ่งรบกวนภายนอกที่จะสร้างความเสียหายแก่ตัวถังได้เมื่อใช้ความเร็วสูง ส่วนตัวเฟรมรถเป็นแบบเฟรมถักที่แข็งแรง สามารถรองรับการทำงานของระบบซุปเปอร์ชาร์จได้เป็นอย่างดี และยังช่วยในการทรงตัวและสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ตัวรถเมื่อใช้ความเร็วสูงอีกด้วย

ผู้ขี่และรถประสานสานเป็นหนึ่งด้วยสุดยอดระบบ INTERFACE

แม้ว่าจะมีสมรรถนะยอดเยี่ยมเทียบชั้นรถแข่งที่ต้องทำเวลาต่อรอบให้เร็วมากที่สุด แต่ Ninja H2 ก็สามารถมอบความสะดวกสบายในการขับขี่พอสมควร โดยตำแหน่งของเบาะนั่งนั้นได้รับการจัดวางอย่างพอเหมาะพอเจาะโดยคำนึงถึงความสบายของผู้ขี่เป็นอันดับแรก และยังถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการบังคับรถอีกด้วย มุมมองการขับขี่ที่ได้จาก Ninja H2 อาจไม่น่าประทับใจอะไรนัก แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือคุณภาพการขับขี่ และความทันสมัยของระบบบังคับการขี่ รวมทั้งความฟิตของเครื่องยนต์และรูปลักษณ์อันสง่างาม

KYB AOS-II Racing Suspension

ระบบรองรับน้ำหนักของ Ninja H2 เลือกใช้ KAYABA KYB AOS-II racing suspension ซึ่งเป็นระบบรองรับน้ำหนักที่มีพื้นฐานการพัฒนามาจากรถวิบาก โดยออกแบบแกนโช้คมีขนาด ø43 มาให้มีแรงเสียดทานระหว่างแกนโช้คและกระบอกโช้คที่ต่ำ แกนโช้คมีขนาด ø43 มม. และเคลือบด้วย DLC นี่เป็นครั้งแรกที่รถจักรยานยนต์ที่ใช้บนท้องถนนทั่วไปได้ติดตั้งระบบรองรับน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการแข่งขัน

Öhlins TTX36 Rear Suspension

ระบบรองรับน้ำหนักด้านหลังใช้ Öhlins TTX36 ซึ่งมอบประโยชน์มากมายให้ผู้ขับขี่
>> เพิ่มเสถียรภาพซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพขณะเข้าโค้ง
>> ระบบกันสะเทือนที่นุ่มนวลถ่ายทอดความรู้สึกของการหน่วงที่ดีเยี่ยม และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และการควบคุมรถ
>> ให้ความรู้สึกมั่นคงเมื่อใช้ความเร็ว และเปลี่ยนเลนได้ง่ายขึ้นเมื่อขับขี่บนทางหลวง
>> ระบบรองรับน้ำหนักนุ่มนวลดูดซัพแรงกระแทกได้อย่างง่ายดายเพิ่มความสะดวกสะบายเมื่อขับขี่ในเมือง

TFT Colour Instrumentation

การออกแบบหน้าจอให้มีความไฮเทคและล้ำสมัยมีส่วนช่วยให้ Ninja H2 เป็นรุ่นเรือธงของคาวาซากิ มาตรวัดรอบแบบอนาล็อกเสริมด้วยหน้าจอ TFT LCD สีคุณภาพสูงซึ่งช่วยให้สามารถแสดงข้อมูลเป็นกราฟิกได้ โหมดการแสดงผลที่เลือกได้สี่โหมดช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลที่พวกเขาต้องการดู โดยขึ้นอยู่กับประเภทการขับขี่ที่พวกเขากำลังขับขี่ในขณะนั้น

Kawasaki Cornering Management Function

ระบบฟังก์ชั่นช่วยควบคุมการเข้าโค้งของคาวาซากิ (KCMF) คือชุดควบคุมจัดการเครื่องและตัวถังโดยรวมการใช้ซอฟต์แวร์ล้ำสมัยรุ่นล่าสุดของคาวาซากิและข้อมูลป้อนกลับจากชุด IMU ของ Bosch ที่ให้ภาพที่แม่นยำชัดเจนกว่าเดิมแบบเรียลไทม์ของความโน้มเอียงของตัวถัง KCMF จะตรวจสอบตัวแปรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และตัวถังตลอดการเข้าโค้งตั้งแต่เข้าโค้งจนกระทั่งออกโค้ง ระบบนี้ช่วยยับยั้งแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเร่งความเร็ว การเบรก และเร่งอีกครั้งส่งผ่านได้อย่างราบรื่น และยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าโค้งตามไลน์ที่ตั้งใจไว้ได้

Enhanced Chassis Orientation Awareness: Bosch IMU (Inertial Measurement Unit)

IMU ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตาม 6 DOF (องศาอิสระ) ได้วัดอัตราเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุนและอัตรา Pitch อัตรา Roll และ Yaw ที่คำนวณโดย ECU โดยใช้ซอฟต์แวร์ต้นฉบับของ Kawasaki ซึ่งช่วยทำให้ระบบต่างๆทำงานได้แม่นยำมากขึ้น

Kawasaki TRaction Control

ระบบ KTRC ที่ใช้กับ Ninja H2 ผสมผสานองค์ประกอบที่ดีที่สุดของระบบควบคุมการยึดเกาะถนนรุ่นก่อนหน้าของคาวาซากิ Ninja H2 มอบเลเวลในการเลือกใช้ที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่และความชอบของผู้ขับขี่ และโหมดทั้งหมดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการเอาต์พุตเมื่อเกิดการลื่นไถลกะทันหัน ระบบนี้นำเสนอทั้งสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับปรุงและมอบความอุ่นใจในการรับมือกับพื้นผิวถนนที่ลื่น โดยสามารถปรับได้ถึง 9 ระดับด้วยกัน

Smartphone Connectivity

หน้าจอ TFT มี Built in Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของผู้ใช้รถโดยเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น “RIDEOLOGY” ซึ่งมีฟังก์ชั่นดังนี้
- Vehicle Info: แสดงข้อมูลรถผ่านแอพในโทรศัพท์
- Riding Log: แสดงเส้นทางการขับขี่ของผู้ขับขี่
- Telephone Notice: เตือนผู้ขับขี่ว่ามีสายหรืออีเมลล์เข้า
- Tuning-General Setting: ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น

  • การออกแบบบนพื้นฐานศาสตร์และศิลป์ชั้นสูง

    Ninja H2 เป็นการผสมผสานรูปลักษณ์ที่โดดเด่นตามคอนเซ็ปต์ “Intense Force Design” เน้นรูปลักษณ์ที่ทันสมัยทั้งยังเปี่ยมด้วยสมรรถนะขั้นสุดยอด อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เป็นเพียงการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูดีเท่านั้น ความงามของ Ninja H2 ยังคงสะท้อนผ่านการทำงานในทุกส่วนประกอบ ตั้งแต่โครงสร้างรถที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่เมื่อต้องใช้ความเร็วสูง เทคโนโลยีล่าสุดที่ติดตั้งมาพร้อมกับรุ่นนี้จะช่วยดูดอากาศเข้าสู่ซูเปอร์ชาร์เจอร์ได้มากขึ้น เรียกได้ว่า Ninja H2 เหนือกว่ามอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นที่คาวาซากิเคยสร้างมา ทั้งยังเป็นศิลปกรรมแห่งยานยนต์ชิ้นเอกที่โดดเด่นทั้งเรื่องสมรรถนะและดีไซน์ ดูเข้มขรึมในสีดำเงางามด้วยเทคนิคการทำสีที่พัฒนามาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ 

  • ระบบซุเปอร์ชาร์เจอร์

    เครื่องยนต์ของ Ninja H2 เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบที่มีขนาด 998 cc  ระบายความร้อนด้วยน้ำที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีการติดตั้งระบบอัดอากาศ (Supercharge) เครื่องยนต์มีขนาดเล็กเท่ากับเครื่องยนต์ Super sportและติดตั้ง Supercharge ให้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์
    200 PS @ 10,000 rpm
    210 PS @ 10,000 rpm with Ram Air
    140.4 N.m @ 10,000 rpm

    เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีการติดตั้ง Supercharge ที่ถูกสร้างขึ้นโดย KHI Group โดยประกอบไปด้วย
    –Aerospace Company
    –Gas Turbine & Machinery Company
    –Corporate Technology Division

    Supercharge ถูกออกแบบโดย KHI group
    –Centrifugal scroll – type SC (แบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง)
    –ชุด Supercharge ผลิตขึ้นจากอลูมิเนียม นำหนักเบา
    –ปริมาตรการดูดอากาศสูงสุด : มากกว่า 200 L/s
    –ความเร็วในการดูดอากาศ : 100 m/s
    –ใช้ระบบเฟืองแบบ Planetary สำหรับขับเคลื่อนใบพัด (Impeller)
    –ใบพัด (Impeller) จะหมุนเป็นจำนวน 9.2x ของความเร็วของเพลาข้อเหวี่ยง นั่นคือรอบเครื่องประมาณ 12,000 rpm ใบพัดจะหมุนราวๆ 120,000 rpm

  • การทรงตัวเยี่ยม บังคับง่าย

    Ninja H2 ถูกพัฒนาให้มีสมรรถนะเทียบเคียงญาติผู้พี่ที่เป็นรถสำหรับสนามแข่งอย่าง Ninja H2R แต่ก็สามารถขับขี่ได้ตามท้องถนนทั่วไป ระบบช่วงล่างของ Ninja H2 ถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรงไม่สะทกสะท้านต่อการทำความเร็วที่เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้นักบิดได้สัมผัสกับสมรรถนะการทรงตัวที่นิ่งและนิ่มขณะเลี้ยว ตามปกติแล้ว การควบคุมการทรงตัวของรถในขณะที่ใช้ความเร็วสูงนั้นต้องอาศัยฐานล้อที่ยาวพอสมควร แต่ในรุ่นนี้ ทีมวิศวกรลับเลือกที่จะใช้ฐานล้อที่สั้นกว่าเพื่อสร้างชุดบังคับรถขนาดกะทัดรัดที่ทำให้การบังคับรถแม่นยำมากยิ่งขึ้น ขณะที่เฟรมรถนั้นไม่ได้ออกแบบมาให้มีความแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังสามารถรองรับสิ่งรบกวนภายนอกที่จะสร้างความเสียหายแก่ตัวถังได้เมื่อใช้ความเร็วสูง ส่วนตัวเฟรมรถเป็นแบบเฟรมถักที่แข็งแรง สามารถรองรับการทำงานของระบบซุปเปอร์ชาร์จได้เป็นอย่างดี และยังช่วยในการทรงตัวและสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ตัวรถเมื่อใช้ความเร็วสูงอีกด้วย

  • ผู้ขี่และรถประสานสานเป็นหนึ่งด้วยสุดยอดระบบ INTERFACE

    แม้ว่าจะมีสมรรถนะยอดเยี่ยมเทียบชั้นรถแข่งที่ต้องทำเวลาต่อรอบให้เร็วมากที่สุด แต่ Ninja H2 ก็สามารถมอบความสะดวกสบายในการขับขี่พอสมควร โดยตำแหน่งของเบาะนั่งนั้นได้รับการจัดวางอย่างพอเหมาะพอเจาะโดยคำนึงถึงความสบายของผู้ขี่เป็นอันดับแรก และยังถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการบังคับรถอีกด้วย มุมมองการขับขี่ที่ได้จาก Ninja H2 อาจไม่น่าประทับใจอะไรนัก แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือคุณภาพการขับขี่ และความทันสมัยของระบบบังคับการขี่ รวมทั้งความฟิตของเครื่องยนต์และรูปลักษณ์อันสง่างาม

  • KYB AOS-II Racing Suspension

    ระบบรองรับน้ำหนักของ Ninja H2 เลือกใช้ KAYABA KYB AOS-II racing suspension ซึ่งเป็นระบบรองรับน้ำหนักที่มีพื้นฐานการพัฒนามาจากรถวิบาก โดยออกแบบแกนโช้คมีขนาด ø43 มาให้มีแรงเสียดทานระหว่างแกนโช้คและกระบอกโช้คที่ต่ำ แกนโช้คมีขนาด ø43 มม. และเคลือบด้วย DLC นี่เป็นครั้งแรกที่รถจักรยานยนต์ที่ใช้บนท้องถนนทั่วไปได้ติดตั้งระบบรองรับน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการแข่งขัน

  • Öhlins TTX36 Rear Suspension

    ระบบรองรับน้ำหนักด้านหลังใช้ Öhlins TTX36 ซึ่งมอบประโยชน์มากมายให้ผู้ขับขี่
    >> เพิ่มเสถียรภาพซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพขณะเข้าโค้ง
    >> ระบบกันสะเทือนที่นุ่มนวลถ่ายทอดความรู้สึกของการหน่วงที่ดีเยี่ยม และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และการควบคุมรถ
    >> ให้ความรู้สึกมั่นคงเมื่อใช้ความเร็ว และเปลี่ยนเลนได้ง่ายขึ้นเมื่อขับขี่บนทางหลวง
    >> ระบบรองรับน้ำหนักนุ่มนวลดูดซัพแรงกระแทกได้อย่างง่ายดายเพิ่มความสะดวกสะบายเมื่อขับขี่ในเมือง

  • TFT Colour Instrumentation

    การออกแบบหน้าจอให้มีความไฮเทคและล้ำสมัยมีส่วนช่วยให้ Ninja H2 เป็นรุ่นเรือธงของคาวาซากิ มาตรวัดรอบแบบอนาล็อกเสริมด้วยหน้าจอ TFT LCD สีคุณภาพสูงซึ่งช่วยให้สามารถแสดงข้อมูลเป็นกราฟิกได้ โหมดการแสดงผลที่เลือกได้สี่โหมดช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลที่พวกเขาต้องการดู โดยขึ้นอยู่กับประเภทการขับขี่ที่พวกเขากำลังขับขี่ในขณะนั้น

  • Kawasaki Cornering Management Function

    ระบบฟังก์ชั่นช่วยควบคุมการเข้าโค้งของคาวาซากิ (KCMF) คือชุดควบคุมจัดการเครื่องและตัวถังโดยรวมการใช้ซอฟต์แวร์ล้ำสมัยรุ่นล่าสุดของคาวาซากิและข้อมูลป้อนกลับจากชุด IMU ของ Bosch ที่ให้ภาพที่แม่นยำชัดเจนกว่าเดิมแบบเรียลไทม์ของความโน้มเอียงของตัวถัง KCMF จะตรวจสอบตัวแปรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และตัวถังตลอดการเข้าโค้งตั้งแต่เข้าโค้งจนกระทั่งออกโค้ง ระบบนี้ช่วยยับยั้งแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเร่งความเร็ว การเบรก และเร่งอีกครั้งส่งผ่านได้อย่างราบรื่น และยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าโค้งตามไลน์ที่ตั้งใจไว้ได้

  • Enhanced Chassis Orientation Awareness: Bosch IMU (Inertial Measurement Unit)

    IMU ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตาม 6 DOF (องศาอิสระ) ได้วัดอัตราเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุนและอัตรา Pitch อัตรา Roll และ Yaw ที่คำนวณโดย ECU โดยใช้ซอฟต์แวร์ต้นฉบับของ Kawasaki ซึ่งช่วยทำให้ระบบต่างๆทำงานได้แม่นยำมากขึ้น

  • Kawasaki TRaction Control

    ระบบ KTRC ที่ใช้กับ Ninja H2 ผสมผสานองค์ประกอบที่ดีที่สุดของระบบควบคุมการยึดเกาะถนนรุ่นก่อนหน้าของคาวาซากิ Ninja H2 มอบเลเวลในการเลือกใช้ที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่และความชอบของผู้ขับขี่ และโหมดทั้งหมดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการเอาต์พุตเมื่อเกิดการลื่นไถลกะทันหัน ระบบนี้นำเสนอทั้งสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับปรุงและมอบความอุ่นใจในการรับมือกับพื้นผิวถนนที่ลื่น โดยสามารถปรับได้ถึง 9 ระดับด้วยกัน

  • Smartphone Connectivity

    หน้าจอ TFT มี Built in Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของผู้ใช้รถโดยเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น “RIDEOLOGY” ซึ่งมีฟังก์ชั่นดังนี้
    - Vehicle Info: แสดงข้อมูลรถผ่านแอพในโทรศัพท์
    - Riding Log: แสดงเส้นทางการขับขี่ของผู้ขับขี่
    - Telephone Notice: เตือนผู้ขับขี่ว่ามีสายหรืออีเมลล์เข้า
    - Tuning-General Setting: ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น

Specifications

Specifications

มิติรถ
ความยาว 2,085 mm
ความกว้าง 770 mm
ความสูง 1,125 mm
ระยะฐานล้อ 1,445 mm
ระยะห่างจากพื้น 130 mm
ความสูงเบาะนั่ง 825 mm
น้ำหนักรวม 238 kg
น้ำหนัก (ไม่รวมของเหลว) -
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 17 litres

สมรรถนะ
กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 147.2 kW {200 PS} / 10,000 min-1
กำลังเครื่องยนต์สูงสุดพร้อมแรมแอร์ 154.5 kW {210 PS} / 10,000 min-1
แรงบิดสูงสุด 140.4 N·m {14.3 kgƒ·m} / 10,000 min-1

เครื่องยนต์
ประเภทเครื่องยนต์ 4-stroke In-Line Four
ระบบหล่อเย็น Liquid-cooled,
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 76.0 x 55.0 mm
ปริมาตรกระบอกสูบ 998 cc
อัตราส่วนกำลังอัด 8.5:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง Fuel injection: ø50 mm x 4 with dual injection ; Kawasaki Supercharger
ระบบหล่อลื่น Forced lubrication, Wet
ระบบสตาร์ท EL. Starter
ระบบจุดระเบิด Digital

ระบบขับเคลื่อน
ระบบขับเคลื่อน Chain
ระบบส่งกำลัง 6-speed, return, dog-ring
อัตราทดขั้นต้น 1.551 (76/49)
อัตราทดเกียร์ 1 3.188 (51/16)
อัตราทดเกียร์ 2 2.526 (48/19)
อัตราทดเกียร์ 3 2.045 (45/22)
อัตราทดเกียร์ 4 1.727 (38/22)
อัตราทดเกียร์ 5 1.524 (32/21)
อัตราทดเกียร์ 6 1.348 (31/23)
อัตราทดสุดท้าย 2.444 (44/18)
ประเภทคลัตช์ (หลัก) Wet, multi-disc

ตัวถัง
ประเภทเฟรม Trellis, high-tensile steel, with Swingarm Mounting Plate
ระบบกันสะเทือนหน้า ø43 mm inverted fork with rebound and compression damping and spring preload adjustability, and top-out springs
ระบบกันสะเทือนหลัง New Uni Trak, Öhlins TTX36 gas-charged shock with piggyback reservoir, compression and rebound damping and spring preload adjustability, and top-out spring
ระยะยุบล้อหน้า 120 mm
ระยะยุบล้อหลัง 135 mm
มุมแคสเตอร์ 24.5°
ระยะเทรล 103 mm
มุมเลี้ยว (ซ้าย/ขวา) 27° / 27°
ยางหน้า 120/70 ZR17 (58W)
ยางหลัง 200/55 ZR17 (78W)
เบรกหน้า Dual semi-floating ø330 mm Brembo discs,
คาลิปเปอร์ (หน้า) Dual radial-mount, Brembo Stylema monobloc, opposed 4-piston, KIBS ABS
เบรกหลัง Single ø250 mm disc,
คาลิปเปอร์ (หลัง) Brembo, opposed 2-piston, KIBS ABS

รุ่นอื่นๆ ที่คุณอาจชื่นชอบ

รุ่นอื่นๆ ที่คุณอาจชื่นชอบ